ข้อหารือ | : บริษัท ก. ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และประกอบธุรกิจจำหน่ายน้ำหอม น้ำมันหอม หัวน้ำหอม และผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน บริษัทฯ ได้นำเข้าสินค้าโดยมีบริษัท ข. เป็นตัวแทนในการนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ ต่อมากรมศุลกากรได้ทำการตรวจสอบกิจการของบริษัทฯ และตรวจพบว่าบริษัท ข. ในฐานะตัวแทนได้ทำการสำแดงราคาสินค้านำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าบริษัทฯ และบริษัท ข. ได้ร่วมกันกระทำผิดฐานสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรอันเป็นความผิดตามมาตรา 27 และมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2549 เนื่องจากบริษัทฯ ในฐานะตัวการต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อกรมศุลกากรตามกฎหมาย บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการขอให้คณะกรรมการเปรียบเทียบทำการเปรียบเทียบคดีเพื่อให้เรื่องระงับไปโดยมิต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลตามความในมาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2549 ซึ่งคณะกรรมการเปรียบเทียบของกรมศุลกากรได้วินิจฉัยให้บริษัทฯ จะต้องชำระเงินให้แก่กรมศุลกากรเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 77,364,321 บาท โดยแบ่งออกเป็น 1. ค่าอากรที่ชำระขาดจำนวน 13,525,893 บาท 2. ค่าปรับอากรอีกสองเท่าของอากรที่ชำระขาดจำนวน 27,051,786 บาท 3. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระขาดจำนวน 12,262,214 บาท 4. เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจำนวน 12,262,214 บาท 5. เงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจำนวน 12,262,214 บาท บริษัทฯ จึงขอทราบว่า บริษัทฯ มีสิทธินำเงินที่ต้องชำระให้แก่กรมศุลกากรดังกล่าว มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือมาเป็นเครดิตภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่ |