เลขที่ข่าว ปชส. 21/2550
วันที่แถลงข่าว 14 มิถุนายน 2550
เรื่อง ความคืบหน้าการเจรจายกเว้นการจัดเก็บภาษีซ้อนกับสาธารณรัฐเอสโตเนีย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาลไทย ได้เจรจาจัดทำอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเอสโตเนียรอบสอง ณ กรุงทาลลินน์ สาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างวันที่ 21- 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งในการเจรจาครั้งนี้มีความคืบหน้าสามารถตกลงกันได้ในประเด็นหลักที่มีสาระสำคัญ คือ การเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศคู่สัญญาในลักษณะหลักการเดียวกันกับความตกลงหรืออนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนที่ไทยเคยตกลงไว้แล้วกับประเทศอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้มาแล้วในขณะนี้ 52 ประเทศ การมีอนุสัญญาฯ ดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เสียภาษีของทั้งสองประเทศ เนื่องจากเป็นมาตรการเพื่อช่วยขจัดหรือบรรเทาภาระภาษีซ้อนอันเป็นอุปสรรคของของการลงทุนระหว่างประเทศให้หมดไปในระดับหนึ่ง ตลอดจนทำให้เกิดหลักประกันในการเสียภาษีที่แน่นอนและชัดเจนเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น การลดอัตราภาษีระหว่างกันสำหรับนักลงทุนที่ไปมีเงินได้ในอีกประเทศหนึ่ง เช่น ภาษีที่เก็บจากดอกเบี้ย ค่าสิทธิ เป็นต้น
สาธารณรัฐเอสโตเนียเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยในภูมิภาคประเทศในกลุ่มบอลติก โดยฝ่ายไทยได้เปรียบดุลการค้ามาตั้งแต่ปี 2545 มีอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ ไม้แปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมโดยเฉพาะระบบ fibre optic cables เทคโนโลยีชีวภาพ ตลอดจนธุรกิจการท่องเที่ยว แม้ที่ผ่านมาตลาดเอสโตเนียจะมีกำลังซื้อต่ำประกอบกับการขาดข้อมูลทางธุรกิจระหว่างกัน ทำให้เอสโตเนียไม่เป็นที่สนใจลงทุนของเอกชนไทยเท่าที่ควร ดังนั้น การมีอนุสัญญาฯ จึงเป็นมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่จะช่วยทำให้ภาระภาษีซึ่งเป็นต้นทุนในการประกอบธุรกิจอย่างหนึ่งของนักลงทุนลดต่ำลง และเป็นการสร้างความมั่นใจในการลงทุนให้แก่นักลงทุน ช่วยดึงดูดและจูงใจให้มีการลงทุนระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น

|