เลขที่ข่าว ปชส. 26/2550
วันที่แถลงข่าว 3 กรกฎาคม 2550
เรื่อง กรมสรรพากรและธนาคารออมสินมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กรมสรรพากรร่วมมือกับสำนักงาน ก.พ. และธนาคารออมสิน ลงนามในบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการในวันนี้ ( 3 กรกฎาคม 2550) เพื่อให้ข้าราชการมีแหล่งเงินกู้สามารถนำไปชำระหนี้สินเดิมได้อย่างเบ็ดเสร็จในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เป็นการผ่อนคลายภาระหนี้สินและส่งเสริมรายได้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีความสมัครใจพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้รวมกลุ่มเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาโดยอาศัยกระบวนการทางจิตใจ สังคม การจัดการ และการเงินในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งแต่ละคนต้องออมเงินเข้ากองทุนเงินออมของกลุ่มภายใต้กระบวนการจัดการต่าง ๆ ในกลุ่มอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ธนาคารออมสินจะเป็นผู้กลั่นกรองและพิจารณาให้สินเชื่อ พร้อมกับติดตามประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดตัวชี้วัดสำหรับจำแนกกลุ่มการออมที่ดีภายใต้ระบบการให้รางวัลตอบแทนไว้ใช้สำหรับพัฒนากลุ่มสมาชิกที่มีประวัติที่ดีด้วย
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดทำข้อตกลงในครั้งนี้จะเป็น หลักประกันให้คุณภาพชีวิตภายในกลุ่มของข้าราชการกรมสรรพากรส่วนใหญ่ได้รับการดูแลให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผลที่ได้รับจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการของกรมฯ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละด้วยความอุตสาหะมาโดยตลอด ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ โดยปราศจากภาระดอกเบี้ยที่สูงจากการมีหนี้สินนอกระบบหรือจากในระบบตามปกติอื่นๆ อย่างดียิ่ง
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ข้าราชการกรมสรรพากรถือเป็นข้าราชการกลุ่มแรกในสังกัด สำนักงาน ก.พ. ที่ธนาคารออมสินให้บริการสินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยได้เตรียมวงเงินสำหรับโครงการฯ นี้ไว้ทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เพื่อให้บริการสินเชื่อวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อราย มีระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 30 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ทางธนาคารฯ ได้คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 7 ต่อปี ในการนี้ทางธนาคารฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยให้ข้าราชการกรมสรรพากรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ไม่ต้องกังวลในเรื่องภาระหนี้สิน และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นถ้วนหน้า เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติอย่างต่อเนื่องต่อไป นายกรพจน์กล่าวในท้ายที่สุด

|