ข้อหารือ | : บริษัท A ประกอบธุรกิจให้บริการนำนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการติดต่อให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งในส่วนที่ดำเนินการในประเทศไทยได้แก่ การซื้อตั๋วเครื่องบินการขอวีซ่าผ่านเข้าประเทศ รวมทั้งการชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ส่วนที่ดำเนินการในต่างประเทศ เช่น การจองโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การซื้อค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ การติดต่อยานพาหนะเพื่อขนส่ง และมัคคุเทศก์ เป็นต้น ตัวอย่าง การขายทัวร์ไปยุโรปให้กับลูกค้า 1 ราย โดยลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 70,000 บาท ซึ่งสามารถแยกรายการค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายออกได้ดังนี้ ค่าขอวีซ่า (ไม่รวมค่าบริการ) บวกค่าภาษีสนามบินประเทศไทย 2,500 บาท ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ค่าภาษีเชื้อเพลิง ภาษีสนามบินยุโรป 35,700 บาท ค่าใช้จ่ายต่างประเทศ 30,300 บาท (ค่าอาหาร โรงแรม ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ค่าขนส่ง และค่ามัคคุเทศก์) ค่าบริการที่บริษัทฯ เป็นผู้ติดต่อให้กับลูกค้าทุกเรื่อง 1,500 บาท (เป็นรายได้ของบริษัทฯ เอง) โดยลูกค้าจะต้องจองทัวร์ล่วงหน้าก่อนเดินทางออกจากประเทศไทยอย่างน้อย 30 วัน หลังจากนั้นบริษัทฯ ก็จะดำเนินการติดต่อต่างๆ ข้างต้น และจะแจ้งให้ลูกค้านำเงินมาชำระยอดรวมทั้งหมด 70,000 บาท ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง ทั้งนี้ สำหรับเงิน 68,500 บาท บริษัทฯ จะได้นำไปเป็นค่าใช้จ่ายตามรายการที่ 1 - 3 ตามที่ต้องจ่ายจริงทั้งหมด โดยเฉพาะสำหรับค่าตั๋วเครื่องบินนั้น ในการออกหลักฐานใบเสร็จการชำระเงินและใบกำกับภาษี บริษัทฯ จะแจ้งให้บริษัทผู้ขายตั๋วเครื่องบินออกใบเสร็จค่าตั๋วเครื่องบินและใบกำกับภาษีโดยระบุชื่อลูกค้าเป็นผู้ซื้อตั๋ว และบริษัทฯ จะส่งมอบใบเสร็จและใบกำกับภาษีดังกล่าวให้แก่ลูกค้า ดังนั้น ลูกค้าจึงสามารถทราบอย่างแน่นอนว่า ค่าตั๋วเครื่องบินนั้นมีราคาเท่าไร จากตัวอย่างข้างต้น มีเพียงค่าบริการ 1,500 บาท ตามรายการที่ 4 เท่านั้นที่เป็นรายได้ของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอทราบว่า ฐานภาษีที่ใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการจัดนำเที่ยวต่างประเทศของบริษัทฯ นั้น ควรจะเป็นยอดรายได้หักรายจ่ายที่คงเหลือได้รับจริงเพียง 1,500 บาท หรือจะต้องคำนวณจากยอดรวมทั้งหมด 70,000 บาท |