บริษัท ส. เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเภทกิจการขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการกระจายสินค้า สินค้าที่ขายมีบุหรี่ต่างประเทศรวมอยู่ด้วย ซึ่งฐานที่ใช้คำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับสินค้าดังกล่าว ต้องใช้ราคาขายปลีกตามประกาศของกรมสรรพสามิต ต่อมากรมสรรพสามิตได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกของยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามประกาศกรมสรรพสามิตเรื่อง กำหนดราคายาสูบที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป แต่เนื่องจากระบบการออกใบกำกับภาษีซึ่งใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถแก้ไขให้ทันกับการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ราคาขายปลีกที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนดใหม่ บริษัทฯ และ บริษัท ฟ. ซึ่งเป็นผู้ขายยาสูบชนิดดังกล่าวให้แก่บริษัทฯ ต้องใช้ราคาขายปลีกตามประกาศกรมสรรพสามิตฉบับเดิม ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม จนกว่าจะแก้ไขระบบแล้วเสร็จ และจะออกใบลดหนี้ให้ในภายหลัง
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 บริษัท ฟ. ได้ออกใบลดหนี้ให้แก่บริษัทฯ ด้วยเหตุดังกล่าว โดยมีการลดหนี้ เฉพาะมูลค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนที่ลดลงนั้นไปรวมกับราคาสินค้า ทำให้ราคาสินค้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากราคาขายปลีกที่กำหนดใหม่) ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาสินค้า ทำให้ราคาสินค้ามีมูลค่าสูงขึ้นซึ่งการคำนวณด้วยวิธีการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ไม่มีภาษีซื้อได้รับคืนจากการออกใบลดหนี้ดังกล่าว
บริษัทฯ ขอหารือว่า
1. ใบลดหนี้ของบริษัท ฟ. มีข้อความถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
2. มูลค่าสินค้าที่แสดงไว้ด้านขวาล่างของใบลดหนี้ แสดงราคาขายสุทธิ แต่ตัวเลขเป็นราคาขายรวมภาษี จึงทำให้ไม่เกิดความแตกต่างของราคาขายสุทธิราคาเก่ากับราคาใหม่ ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนคำว่า "ราคาขายสุทธิ" เป็น "ราคาขายรวมภาษี" ได้หรือไม่
3. การจัดทำรายงานภาษีซื้อสำหรับรายการดังกล่าว จะต้องแสดงในรายงานอย่างไร
|