ข้อหารือ | 1. บริษัทฯ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท A ซึ่งเป็น นิติบุคคลตามกฎหมายของต่างประเทศ และมีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ รับเหมาก่อสร้าง ให้ดำเนินการจัดหาสัมภาระและก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้า ตามสัญญาดังกล่าว บริษัทฯ ตกลงชำระ ค่าก่อสร้างเป็นรายงวดตามอัตราความคืบหน้าของผลสำเร็จของงาน (milestone) และหักเงินประกันผลงานในอัตรา ร้อยละ 10.0 ของค่าก่อสร้างที่บริษัท A เรียกเก็บในแต่ละงวด 2. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2547 ถึงเดือนมีนาคม 2549 บริษัท A ได้ออกใบเรียกเก็บเงินค่าก่อสร้าง (invoice) ตาม สัญญาในแต่ละงวดจากบริษัทฯ เป็นเงินเท่ากับค่าก่อสร้างตามอัตราความคืบหน้าของผลสำเร็จของงาน หักด้วยเงินประกัน ผลงานในอัตราร้อยละ 10.0 พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 โดยคำนวณจากฐานของค่าก่อสร้างที่หักเงินประกัน ผลงานดังกล่าวออกแล้ว และบริษัทฯ ได้ชำระค่าก่อสร้างให้บริษัท A ตามจำนวนค่าก่อสร้างที่ได้หักเงินประกันผลงานออกในอัตราร้อยละ 10.0 พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่บริษัท A เรียกเก็บ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม เดือนกรกฎาคม 2548 ค่างวดที่ต้อ เป็นเงิน 97,616,260.22 บาท เงินประกันผลงาน ร้อยละ เป็นเงิน 9,761,626.02 บาท คงเหลือ 87,854,634.20 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อ เป็นเงิน 6,149,824.39 บาท 3. เมื่อบริษัท A ได้รับชำระค่าก่อสร้างจากบริษัทฯ บริษัท A จะออกใบกำกับภาษีให้กับบริษัทฯ และบริษัทฯ ได้นำ ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่บริษัท A ออกให้ไปใช้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งได้ขอคืนภาษีซื้อดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรได้คืนภาษีซื้อให้แล้ว 4. ต่อมา บริษัทฯ ตรวจพบว่า การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัท A เรียกเก็บจากบริษัทฯ ตามใบกำกับภาษีที่ออกในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2547 ถึงเดือนพฤษภาคม 2549 สำหรับค่าก่อสร้างตามสัญญา เป็นการคำนวณที่ไม่ถูกต้อง ตามข้อ 1(2) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 73/2541 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 กล่าวคือ บริษัท A ผู้รับจ้าง ต้องนำเงินประกันผลงานที่ถูกบริษัทฯ ผู้ว่าจ้าง หักจากเงินค่าจ้างแต่ละงวด มารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร 5. บริษัทฯ และบริษัท A ได้แก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนที่ขาด ย้อนหลัง พร้อมทั้งเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และออกใบกำกับภาษีที่ถูกต้องฉบับใหม่ เพื่อแทนใบกำกับภาษีฉบับเดิมแต่ละฉบับ ตามข้อ 25 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 86/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 และมาตรา 86/5 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่มีลักษณะเป็นแบบเต็มรูป ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 โดยระบุวัน เดือน ปีใน ใบกำกับภาษีฉบับใหม่ให้ตรงกับวัน เดือน ปีตามในใบกำกับภาษีฉบับเดิมทุกฉบับ และเลขลำดับของใบกำกับภาษีฉบับใหม่ เป็นเลขลำดับใหม่ พร้อมทั้งมีหมายเหตุไว้ในใบกำกับภาษีฉบับใหม่ว่า "เป็นการยกเลิกและออกแบบใบกำกับภาษีฉบับใหม่ แทนฉบับเดิมเลขที่..... เล่มที่....." บริษัทฯ จึงขอหารือ ดังนี้ 1. บริษัท A ออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่เพื่อปรับปรุงแก้ไขยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระขาดไป โดยการยกเลิกใบกำกับภาษี ฉบับเก่า และออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่ระบุวันที่ในใบกำกับภาษีฉบับใหม่ ตามวันที่ปรากฏในใบกำกับภาษีฉบับเดิม เป็นการ กระทำที่ถูกต้องหรือไม่ 2. บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อทั้งจำนวนตามใบกำกับภาษีฉบับใหม่ที่ออกโดยบริษัท A ไปใช้เป็นเครดิตในการคำนวณ ภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ ในแต่ละเดือนหรือต้องขอคืนภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีฉบับใหม่ภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ปรากฏใน ใบกำกับภาษีฉบับใหม่ |