เลขที่ข่าว ปชส. 6/2551

วันที่แถลงข่าว 22 เมษายน 2551

เรื่อง กรมสรรพากรประชุมหน่วยจัดเก็บภาษีทั่วประเทศเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามยุทธศาสตร์

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                วันนี้ ( วันที่ 22 เมษายน 2551) นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธานเปิดประชุมสัมมนาพร้อมให้นโยบายผู้บริหารหน่วยงานจัดเก็บภาษี ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง สรรพากรภาคและสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมี นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ ปาร์ค กรุงเทพ ฯ ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 22-24 เมษายน 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานตามแผนกลยุทธ์ด้านการจัดเก็บภาษีสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและกระทรวงการคลังเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการเสริมความรู้โดยจัดการบรรยายในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริหารจัดเก็บภาษีได้ทราบสภาพและแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหวทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองให้สามารถปรับกลยุทธ์และเป็นเครื่องมือในการบริหารงานสู่ความสำเร็จ

                 รมช . คลัง กล่าวว่า “ กระทรวงการคลังได้ใช้โอกาสนี้มอบนโยบายในการปฏิบัติราชการที่ มุ่งเน้นการบริหารราชการตามแนวทางที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาแก่กรมสรรพากรเพื่อให้ทิศทางการบริหารงานของกรมสรรพากรภายใต้การกำกับดูแลมีความชัดเจนขึ้น และมั่นใจว่าการทำงานของกรมสรรพากรต่อจากนี้ จะทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเครื่องมือในการรักษาวินัยด้านการคลังตามนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นถึงสิ่งที่ควรคำนึงถึงในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจปกติ ก็คือ ทำงานให้เป็นมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของผู้เสียภาษี ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสมัครใจในการเสียภาษีและทำให้การทำงานตามภารกิจนั้นง่ายขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงฯ พร้อมให้การสนับสนุนและเป็นกลไกหลัก ผลักดันให้งานของกรมสรรพากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพก่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติต่อไป ”

                 นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ การประชุมสัมมนาในครั้งนี้เป็นการซักซ้อมความเข้าใจแก่ผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละหน่วยงานทั่วประเทศ จะทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า ทุกหน่วยงานจะปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกันอย่างสอดคล้องทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้ได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้รับจากรัฐบาล อันเป็นเป้าหมายร่วมที่จะทำให้ผู้เสียภาษีและประชาชนโดยทั่วไปได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำงาน ”