1. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการออมในรูปแบบประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยจะออกเป็นกฎกระทรวง ต่อไป
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2553 เป็นต้นไป สำหรับการหักค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้ ค่าเบี้ยประกันชีวิต โดยเพิ่มวงเงินการลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต จากเดิม ไม่เกิน จำนวนเงิน 100,000 บาท เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท ทั้งนี้ วงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้น ให้เป็นการลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ผ่านการอนุมัติและรับรองจากการสำนักงาน คปภ. จำนวนเงิน 200,000 บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และเมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ครูตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว ต้องไม่เกิน จำนวนเงิน 500,000 บาท
2. มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ (IPC) โดยจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาต่อไป
2.1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน สำหรับรายได้ ดังนี้
(1) รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศไทยให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งในต่างประเทศ โดยสินค้ามิได้นำเข้ามาในไทย
(2) รายได้จากการขายวัตถุดิบและชิ้นส่วนให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เพื่อความมุ่งประสงค์ในการผลิตนอกประเทศไทย