|
|
เลขที่หนังสือ |
: 0702/พ./9520 |
วันที่ |
: 6 พฤศจิกายน 2556 |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจำหน่ายหนี้สูญ
|
ข้อกฎหมาย |
: ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 85)ฯ
| ข้อหารือ |
รัฐวิสาหกิจประกอบกิจการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการที่มีสัญญาทางการค้า เมื่อมีการส่งมอบสินค้าจะออกเอกสารใบกำกับสินค้า/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๓๐) ภายในกำหนดเวลาทุกเดือน ต่อมาลูกหนี้การค้ารวมสองรายมีหนี้ค้างชำระกับรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจ จึงได้ดำเนินคดีแพ่งและคดีล้มละลาย
ทั้งสองคดี ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้จำเลยชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ย และโจทก์มีคำบังคับถึงจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา แต่จำเลยทั้งสองมิได้นำเงินมาชำระหนี้แก่รัฐวิสาหกิจ แต่อย่างใด รัฐวิสาหกิจจึงดำเนินการสืบหาทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง แต่ไม่พบว่าจำเลยทั้งสองมีทรัพย์สินใด ๆ รัฐวิสาหกิจ มิได้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงไม่มีการแถลงต่อศาลว่า ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ ๒. ต่อมารัฐวิสาหกิจ ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลล้มละลายกลาง โดยศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้ลูกหนี้ทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐวิสาหกิจ ขอทราบว่า ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจำหน่ายหนี้สูญ รัฐวิสาหกิจ จะต้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ออกใบกำกับภาษีแล้ว ภายใน ๓ ปี นับแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีแพ่ง ตามข้อ ๓(๒) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๕) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจำหน่ายหนี้สูญ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณส่วนของหนี้สูญ เพื่อนำมาหักออกจากภาษีขายตามมาตรา ๘๒/๑๑ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือต้องคืนภายใน ๓ ปี นับแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ตามข้อ ๓(๓) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว
|
แนววินิจฉัย |
๑. จากข้อเท็จจริงรัฐวิสาหกิจ มีลูกหนี้การค้าสองราย ซึ่งได้ติดตามทวงถามแล้ว ลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ ในรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๔๖ รัฐวิสาหกิจได้ฟ้องคดีแพ่งกับลูกหนี้การค้าทั้งสองราย และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระหนี้ แต่รัฐวิสาหกิจ มิได้ขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงยังมิได้ดำเนินการบังคับคดี แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะชำระหนี้ได้ ต่อมารัฐวิสาหกิจ ได้ยื่นฟ้องลูกหนี้ทั้งสองรายต่อศาลล้มละลายกลาง โดยศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้ลูกหนี้ทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๓ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถรวบรวมทรัพย์สินได้ และไม่มีกิจการใดต้องปฏิบัติต่อไป จึงขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดี และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดคดี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ กรณีดังกล่าว รัฐวิสาหกิจ จึงมีสิทธิจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ และในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นเดือนที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งปิดคดีไม่มีแบ่ง ตามข้อ ๓(๓) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๘๕)ฯ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ .ศ. ๒๕๔๒
๒. กรณีรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ขายสินค้า และได้นำภาษีขายไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๓ แห่งประมวลรัษฎากร รัฐวิสาหกิจมีสิทธินำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญมาหักออกจากภาษีขายในเดือนภาษีที่มีการจำหน่ายหนี้สูญได้ตามมาตรา ๘๒/๑๑ แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น รัฐวิสาหกิจจึงต้องนำภาษีขายที่คำนวณจากส่วนของหนี้สูญไปหักจากภาษีขายในเดือนภาษีที่มีการจำหน่ายหนี้สูญตาม ๑.
|
เลขตู้ |
: 76/38799
| 
|
|
Last update : Wednesday, March 29, 2017
|
|
|
|