|
|
คำพิพากษาฎีกาที่ 1625/2557 |
|
นายหาญณรงค์ ประกายหงษ์มณี |
โจทก์ |
กรมสรรพากร |
จำเลย |
เรื่อง การคืนเงินภาษีอากร |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7 (3) และมาตรา 9 |
ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทศ และมาตรา 63 |
กฏกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ สำหรับกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 151) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ สำหรับกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ลงวันที่ 16 มกราคม 2549
เมื่อเงินได้ที่โจทก์ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 151) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ สำหรับกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ประกาศ ณ วันที่ 16 มกราคม 2549 โดยให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2537 ที่จะต้องยื่นรายการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2538 เป็นต้นไป โจทก์จึงมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายจากเงินดังกล่าว ซึ่งการขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลผู้มีสิทธิได้รับเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายเกินคืนต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในสามปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งถูกหักภาษีเกินไปตามมาตรา 63 แห่งประมวลรัษฎากร แต่กรณีของโจทก์ไม่อาจยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรภายในกำหนดเวลาตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ เนื่องจากโจทก์ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในวันที่ 15 มกราคม 2545 การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรในวันที่ 11 สิงหาคม 2549 หลังจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 151)ฯ มีผลใช้บังคับไม่เกินสามปี โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตามมาตรา 7 (3) ประกอบมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย โจทก์จึงไม่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โจทก์จึงมีเงินภาษีอากรที่ชำระเกินไป 1,527,706.40 บาท ตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยและไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
ตามข้อ 1 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ย แก่ผู้ได้รับเงินคืนภาษีอากร บัญญัติว่า การคิดดอกเบี้ยตามวรรคหนึ่งให้คิดจนถึงวันที่ลงในหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงิน... โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยจากเงินค่าภาษีอากรที่ได้รับคืนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนถึงวันที่อธิบดีกรมสรรพากรมีหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงินดังกล่าว แต่ไม่เกินจำนวนเงินค่าภาษีอากรที่โจทก์มีสิทธิได้รับคืนตามมาตรา 4 ทศ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น |
| |

|
|
Last update : Thursday, August 6, 2015
|
|
|
|