| เลขที่หนังสือ |
: กค ๐๗๐๒/๑๐๓๔๓ |
วันที่ |
: ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้ส่วนลดจากการขายรถยนต์แก่ลูกค้า |
ข้อกฎหมาย |
: การให้ส่วนลด |
ข้อหารือ |
สมาคมฯ หารือภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้ส่วนลดจากการขายรถยนต์แก่ลูกค้า สรุปความได้ว่า บริษัทผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรถยนต์ (บริษัทฯ) เป็นผู้ให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์เพื่อการอุปโภคและบริโภค ลูกค้าจะสั่งซื้อรถยนต์จากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จะให้ส่วนลดลูกค้าเป็น ๒ กรณี ดังนี้
กรณีที่ ๑ ให้ส่วนลดการค้า จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท เงินดาวน์ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ลูกค้าชำระเงินดาวน์ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ยอดขอสินเชื่อกับบริษัทฯ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท บริษัทฯ จะชำระเงินให้แก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท บริษัทฯ จะออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีเงินดาวน์ให้แก่ลูกค้า จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
กรณีที่ ๒ ให้ส่วนลดเพื่อส่งเสริมการขาย จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท เงินดาวน์ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ลูกค้าชำระเงินดาวน์ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ยอดขอสินเชื่อกับบริษัทฯ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท บริษัทฯ จะชำระเงินให้แก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท (ราคารถยนต์หักเงินดาวน์เต็มจำนวนไม่หักส่วนลดจากการส่งเสริมการขาย) บริษัทฯ ออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีเงินดาวน์ให้แก่ลูกค้า จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
สมาคมฯ ขอทราบว่า
๑. ส่วนลดกรณีที่ ๑ ถือเป็นส่วนลดการค้าจากการขายสินค้าให้แก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์ ผู้แทนจำหน่ายจะออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทฯ จำนวน ๙๕๐,๐๐๐ บาท ตามมาตรา ๗๙/๑ แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ ๑๔ (๑) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.๘๖/๒๕๔๒ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ และมาตรา ๘๖/๕ แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่มีลักษณะเป็นแบบเต็มรูป ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ถูกต้องหรือไม่
๒. ส่วนลดกรณีที่ ๒ ถือเป็นค่าส่งเสริมการขายที่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์ ผู้แทนจำหน่ายจะออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีให้แก่บริษัทฯ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามข้อ ๑๔ (๒) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.๘๖/๒๕๔๒ฯ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ถูกต้องหรือไม่
๓. ส่วนลดจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ทั้ง ๒ กรณี ถือเป็นส่วนลดที่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นผู้บริโภคคนสุดท้ายโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. ๔/๒๕๒๘ เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ถูกต้องหรือไม่ |
แนววินิจฉัย |
กรณีที่ลูกค้าต้องการซื้อรถยนต์ราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ได้ให้ส่วนลด จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยลูกค้าจะเป็นผู้ชำระเงินดาวน์ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และลูกค้าก็จะให้บริษัทฯ เป็นผู้ชำระราคารถยนต์ส่วนที่เหลือหลังจากหักส่วนลดและเงินดาวน์ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และรับโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์เป็นของบริษัทฯ ต่อมาบริษัทฯ จึงได้นำรถยนต์มาขายต่อให้แก่ลูกค้า โดยมีการทำสัญญาเช่าซื้อระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าและหากลูกค้าผิดนัดไม่ชำระราคาเป็นจำนวนคราวที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ บริษัทฯ มีสิทธิที่จะทำการยึดรถยนต์คืนจากลูกค้าพร้อมกับริบเงินค่ารถยนต์ที่ลูกค้าได้ชำระมาก่อนแล้ว จึงเห็นได้ว่า สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าเป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขที่กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังมิได้โอนไปเป็นของลูกค้าโดยเด็ดขาดจนกว่าลูกค้าจะชำระราคาครบถ้วน กรณีถือได้ว่า ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ได้ขายรถยนต์ให้แก่บริษัทฯ พร้อมกับรับชำระราคามาก่อน ต่อมาบริษัทฯ จะได้นำไปขายพร้อมกับรับชำระราคาจากลูกค้าเป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ดังนั้น การให้ส่วนลดทั้งสองกรณีดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นรางวัล ส่วนลด หรือประโยชน์ใด ๆ เนื่องจากการส่งเสริมการขาย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จึงต้องออกใบกำกับภาษีโดยคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าสินค้าทั้งหมดโดยไม่หักส่วนลดตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นกรณีที่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ได้ให้ส่วนลดแก่บริษัทฯ ผู้ซื้อสินค้าซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะนำรถยนต์ไปขายต่อมิใช่เป็นการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์ที่เป็นผู้บริโภคแต่อย่างใด ส่วนลดที่ให้จึงอยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ ๑๒/๒ ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.๔/๒๕๒๘ฯ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ |
เลขตู้ |
: ๗๙/๔๐๒๖๕ | 
