เลขที่หนังสือ |
: ๐๗๐๒/๕๙๘๒ |
วันที่ |
: ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางวิชาการ |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
๑.มหาวิทยาลัย จ.ได้รับจ้าง สำนักงาน (องค์การมหาชน) สนช..เพื่อดำเนินโครงการการแข่งขัน Startup ระดับประเทศ (Startup Thailand League)เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ กำหนดระยะเวลาการจ้าง ๖ เดือน ค่าจ้างตามสัญญารวมค่าใช้จ่ายจำนวน ๕,๓๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท โดย สนช. จะจ่ายค่าจ้างให้กับมหาวิทยาลัยฯ ภายหลังการส่งมอบผลงานแก่คณะกรรมการตรวจการจ้างและเมื่อคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับผลงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
๒. มหาวิทยาลัยฯ ได้รับจ้าง สสว.เพื่อดำเนินการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Start Up) ปี ๒๕๖๐ ค่าจ้างตามสัญญาจำนวน ๑๓,๙๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยคู่สัญญา ๒ ฝ่ายจะร่วมมือกันเพื่อดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายให้ตรงตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดตามผลผลิต และผลลัพธ์ของโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Start Up) ปี ๒๕๖๐ โดยมหาวิทยาลัยฯมีขอบเขตดำเนินงาน ดังนี้
๒.๑ จัดทำแนวทาง แผนการดำเนินงาน และภาพรวมโครงการพัฒนา เพื่อให้ สสว. ใช้เป็นแนวทางการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานให้เป็นไป ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลผลิต ผลลัพธ์ของโครงการตามแบบฟอร์มที่กำหนด
๒.๒ การประชุมเพื่อวางแผนการดำเนินงาน โดยประสานกับหน่วยงานสนับสนุนเพื่อจัดประชุม วางแผนการดำเนินงาน การรับสมัคร การกำหนดเกณฑ์คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการในทุกกิจกรรม
๒.๓ การประชาสัมพันธ์ ประสานหน่วยงานร่วมดำเนินการที่รับผิดชอบจัดงานแถลงข่าวการเปิด - ปิดโครงการ เพื่อประสานผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์
ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ เชิญผู้แทนจากสมาคม หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SMEs เข้าร่วมงาน
รวมทั้งคัดเลือกสินค้าของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และนำผลิตภัณฑ์ดีเด่น ร้อยละ ๒๐ ของสินค้าที่พัฒนาแล้ว เข้าร่วมงานปิดโครงการ
๒.๔ จัดทำหลักเกณฑ์การรับสมัคร และการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโครงการ เช่น จัดประชุมกำหนดเกณฑ์การรับสมัครและคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย กำหนดรูปแบบ วิธีในการรับสมัครและคัดเลือกในพื้นที่เป้าหมาย เป็นต้น
๒.๕ การรับสมัครผู้ประกอบการ SMEs ภาคการเกษตร และ SMEs ทั่วไป จำนวนไม่น้อยกว่า๕๐๐ รายตามกลุ่มเป้าหมาย โดยประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตร (เฉพาะในภาคการเกษตร) และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน และผู้แทนสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SMEs เพื่อแจ้งให้สมาชิกทราบ
๒.๖ การจัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารจัดการให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็น SMEs ภาคการเกษตร และ SMEs ทั่วไป จำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐๐ ราย ด้วยการให้ความรู้ด้านการตลาด และด้านอื่น ๆ เช่น การเงิน บัญชี การผลิต การบริหารจัดการ การเตรียมความพร้อมการขอกู้เงิน ภาษี เป็นต้น
๒.๗ ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนธุรกิจ โดยคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามข้อ ๒.๖ จำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐๐ ราย แบ่งเป็น SMEs ภาคการเกษตร และ SMEs ทั่วไป ไม่น้อยกว่า ๒๕๐ ราย จัดทำแผนธุรกิจ จำนวน ๑ เล่มต่อกิจการ และเตรียมความพร้อมเพื่อขอกู้เงิน
- จัดให้มีหลักสูตรการอบรมเชิงปฏิบัติการไม่น้อยกว่า ๑ วัน พร้อมระบุหัวข้อแผนธุรกิจให้ครบถ้วน
- จัดเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินหรือที่ปรึกษาจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ
เช่น หอการค้าจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ฯลฯ เข้าไปช่วยเหลือแนะนำการจัดทำแผนธุรกิจจนเสร็จสิ้น
และให้เป็นผู้ลงนามรับรองในแผนธุรกิจ
๒.๘ สร้างและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ โดยการคัดเลือกผู้ประกอบการจากข้อ ๒.๗ จำนวนไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ราย แบ่งเป็น SMEs ภาคการเกษตร และ SMEs ทั่วไปไม่น้อยกว่า ๑๕๐ ราย เพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ โดยที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือพี่เลี้ยง ณ สถานประกอบการของกลุ่มเป้าหมาย หรือสถานที่ที่เหมาะสมต่อการดำเนินงานและผู้ประกอบการ
- ดำเนินการวินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการแก้ไขปัญหาของกิจการ
- ระบุขั้นตอนและวิธีดำเนินงาน การพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างมาตรฐานสินค้า นวัตกรรม การพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการการวางแผนการตลาด หรือการสร้างแบรนด์ เป็นต้น
- กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม จะต้องได้รับการปรึกษาและพัฒนาศักยภาพอย่างน้อย ๑ เรื่อง ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ พี่เลี้ยง ที่เข้าไปให้คำปรึกษาและพัฒนา จะต้องมีการบันทึกการให้คำปรึกษาแนะนำ ระบุปัญหาก่อนการให้คำปรึกษาและหลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว
- จัดทำรายงานการพัฒนากิจการ สรุปแนวทางการพัฒนา ให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งการประเมินผลการพัฒนา เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ เช่น มียอดขายเพิ่มขึ้น หรือมีการลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งระบุรายชื่อที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญและรายชื่อพี่เลี้ยงของแต่ละกิจการ
๒.๙ ผู้ประกอบการภาคการเกษตร SMEs และผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ที่ผ่านการบ่มเพาะแล้ว จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๕๐ ราย ให้ได้รับการสนับสนุนในการหาแหล่งเงินทุน โดยเชื่อมโยงประสานกับสถาบันการเงิน หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อพิจารณาแผนธุรกิจของผู้ประกอบการ หรือให้ผู้ประกอบการเข้ารับการส่งเสริมด้านการตลาด
๒.๑๐ จัดทำแบบสำรวจเพื่อประเมินความพึงพอใจผู้เข้าร่วมโครงการฯ และสรุปแบบประเมินผลความพึงพอใจของแต่ละกิจกรรม
๒.๑๑ จัดส่งรายงานความคืบหน้าประจำเดือน เป้าหมายตัวชี้วัด ผลการดำเนินงาน และผลการใช้เงินทุกสิ้นเดือนตามแบบฟอร์มที่กำหนดให้แก่ สสว. ภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดไป จนกระทั่งครบกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน
๒.๑๒ จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ โดยสรุปผลงานภาพรวมของโครงการตามขอบเขตการดำเนินงาน ทั้งด้านปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขตลอดจนทำการประเมินความก้าวหน้า และความสำเร็จของวิสาหกิจแต่ละรายเมื่อสิ้นสุดกิจกรรม เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง รวมทั้งเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฯ ต้องประสานงานกับ สสว. รวมทั้งผู้เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของ สสว. ในการกำกับและติดตามการดำเนินโครงการ และผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการในการดำเนินกิจกรรม หากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อันเกิดจากการดำเนินกิจกรรม มหาวิทยาลัยฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ กับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ และมหาวิทยาลัยฯ ต้องแจ้งปิดโครงการโดยมีหนังสือแจ้งไปยัง
คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ภายใน ๕ วัน นับแต่วันสิ้นสุดโครงการ หากมหาวิทยาลัยฯ มีเงินที่ได้รับการสนับสนุนคงเหลือในส่วนที่ยังมิได้ใช้จ่าย หรือมีเงินคงเหลือ พร้อมกับดอกผล (ถ้ามี) จะต้องคืนให้แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ
มหาวิทยาลัยฯ จึงหารือว่าการให้บริการของมหาวิทยาลัยฯ ทั้ง ๒ กรณีข้างต้น มหาวิทยาลัยฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ |
แนววินิจฉัย |
๑. กรณีมหาวิทยาลัยฯ ทำสัญญาดำเนินโครงการการแข่งขัน Startup ระดับประเทศ (Startup Thailand League) ให้กับ สนช. พิจารณาสัญญาดังกล่าวแล้วเป็นการรับทำงานให้โดยมุ่งผลสำเร็จ
ของงาน เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ อีกทั้งสัญญาจ้างเหมาดังกล่าวมหาวิทยาลัยฯ มีหน้าที่จัดการแข่งขันกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ Start UP เท่านั้น ไม่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้หรือวิชาการในสาขาสังคมศาสตร์ให้กับ สนช.
แต่อย่างใด จึงไม่เข้าลักษณะการให้บริการวิจัยหรือการให้บริการทางวิชาการตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด และเป็นการให้บริการ ตามมาตรา ๗๗/๑ (๑๐) แห่งประมวลรัษฎากร มหาวิทยาลัยฯ จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๗๗/๒ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร
๒. กรณีมหาวิทยาลัยฯ ตกลงทำสัญญาร่วมดำเนินการกับ สสว. ดำเนินการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Start Up) ปี ๒๕๖๐ โดยมหาวิทยาลัยฯ ต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อสร้างผู้ประกอบการใหม่ และจัดทำหลักสูตรการพัฒนาผู้ประกอบการระดับต้น เพื่อให้มีแนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้งธุรกิจ มีการวินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการแก้ไขปัญหาของกิจการ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างมาตรฐานสินค้า นวัตกรรม การปรับปรุงเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การวางแผนการตลาด หรือการสร้างแบรนด์ เป็นต้น สัญญาร่วมดำเนินการดังกล่าว จึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาให้บริการทางวิชาการในสาขาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฯ จึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๒) เรื่อง กำหนดสาขาและลักษณะการประกอบกิจการ การให้บริการวิจัยหรือ
การให้บริการทางวิชาการ ตามมาตรา ๘๑ (๑) (ฎ) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ |
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๗๕๖ |