เลขที่หนังสือ |
: ๐๗๐๒/พ./๖๔๒๑ |
วันที่ |
: ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีขอคืนภาษีจากการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๘๐/๑ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
๑. บริษัทฯ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๐๑) เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๐ ประกอบกิจการส่งออกสินค้าประเภทผ้าโพลีเอสเตอร์ (สินค้า) ไปยังประเทศบังกลาเทศ บริษัทฯ ได้สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยนำเข้าผ่านประเทศไทยและส่งออกไปให้ลูกค้าที่อยู่ในประเทศบังกลาเทศ โดยบริษัทฯ มีข้อตกลงให้ลูกค้าชำระเงินด้วยวิธี Letter of Credit (L/C) และวิธี Telegraphic Transfer (T/T)
๒. สท.กทม ได้ตรวจปฏิบัติการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เดือนภาษีพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และเดือนภาษีมีนาคม ๒๕๕๘ พบว่า บริษัทฯ มีหลักฐานการรับชำระเงิน
ค่าสินค้า ๒ วิธี คือ ได้รับชำระเงินด้วยวิธี Letter of Credit (L/C) บางส่วน ส่วนที่เหลือได้รับชำระเงินด้วยวิธี Telegraphic Transfer (T/T) แต่เนื่องจากการรับชำระเงินด้วยวิธี Telegraphic Transfer (T/T)
ได้ระบุชื่อลูกค้า (ผู้ชำระเงิน) และประเทศไม่ตรงกัน บริษัทฯ ได้ชี้แจงว่า ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศบังกลาเทศ บริษัทฯ จะได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากลูกค้าตามมูลค่าของสินค้าที่ได้ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาออกจากประเทศไทย แต่เนื่องจากประเทศบังกลาเทศมีการเรียกเก็บภาษีอากรจากการนำเข้าสินค้าในอัตราสูง
จึงทำให้ลูกค้าไม่อาจแสดงมูลค่าของสินค้าตามที่ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาออกจากประเทศไทยได้ ลูกค้าจึงใช้วิธีการลดมูลค่าของสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าประเทศบังกลาเทศเพื่อให้สินค้าที่นำเข้านั้น มีมูลค่าต่ำกว่าความจริงและชำระเงินค่าสินค้าที่นำเข้าด้วยวิธี Letter of Credit (L/C) ตามส่วนมูลค่าของสินค้าที่ลดลง
อันเป็นการชำระเงินค่าสินค้าเพียงบางส่วนและในการชำระเงินค่าสินค้าในส่วนที่เหลือ ลูกค้าจะให้ลูกหนี้ทางการค้าของตนที่อยู่ตามประเทศต่าง ๆ เป็นผู้ชำระเงินค่าสินค้าแทนด้วยวิธี Telegraphic Transfer
(T/T) เพื่อให้บริษัทฯ ได้รับชำระเงินค่าสินค้าครบตามมูลค่าของสินค้าที่ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาออก สท.กทม.๒ หารือว่า การส่งออกสินค้าของบริษัทฯ ถูกต้อง หรือไม่ และหากไม่ถูกต้องบริษัทฯ จะมีความรับผิดตามประมวลรัษฎากร อย่างไร |
แนววินิจฉัย |
กรณีที่บริษัทฯ ได้สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศนำเข้าผ่านประเทศไทยและส่งออกไปให้ลูกค้าที่อยู่ในประเทศบังกลาเทศ หากบริษัทฯ ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการส่งออกที่แสดงถึงการส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศเป็นใบขนสินค้าซึ่งออกในนามของบริษัทฯ และมีการสลักหลังตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร พร้อมทั้งไม่มีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบกับใบขนสินค้าขาออกดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.๙๗/๒๕๔๓ฯลงนที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ดังต่อไปนี้
(๑) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ซื้อในต่างประเทศซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนจริงเช่น Proforma Invoice หรือ Purchase Order หรือ Order Note หรือเอกสารอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
(๒) หลักฐานที่แสดงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ผลิตสินค้าดังกล่าวหรือซื้อสินค้า
จากโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศ และโรงงานผู้ผลิตหรือผู้ขายในประเทศได้จัดทำใบกำกับภาษีเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา ๘๒/๔ และมาตรา ๘๖ แห่งประมวลรัษฎากร
(๓) หลักฐานการส่งออกสินค้าในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน เช่น ใบกำกับสินค้า(Invoice) ใบตราส่ง (Bill of Lading) หรือ Airway Bill
(๔) หลักฐานที่แสดงว่าจะมีการชำระราคาค่าสินค้าตามใบกำกับสินค้า (Invoice) ในนาม
ของผู้ประกอบการจดทะเบียน เช่น หลักฐานการเปิด L/C (Letter of Credit) หรือหลักฐานการจัดทำ T/T(Telex Transfer) หรือ T/P (Term of Payment) เป็นต้นบริษัทฯ จะไม่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ตามมาตรา ๘๐/๑ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๗๖๑ |