เลขที่หนังสือ |
: กค ๐๗๐๒/๔๔๙๖ |
วันที่ |
: ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้พึงประเมินที่จะเลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่น |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๔๐(๑)(๒), ๔๘(๕), ๕๐(๑) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
นาย ก. ได้ทำงานในบริษัท ท. เป็นระยะเวลาเกินกว่า ๕ ปี และในปีภาษี ๒๕๕๗ ได้ออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุเมื่ออายุครบ ๕๕ ปี โดยนาย ก.ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภทที่นายจ้างจ่ายให้เพราะเหตุออกจากงาน ๒ ครั้ง คือ ในปีภาษี ๒๕๕๗ เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่นาย ก.เมื่อเกษียณอายุ และในปีภาษี ๒๕61 เป็นเงินที่ได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมจากการฟ้องคดีแรงงานกรณีบริษัทฯ นายจ้างจ่ายเงินเกษียณไม่ครบตามข้อตกลงสัญญาการจ้างในปี ๒๕๕๗ นาย ก.จึงขอหารือว่า การยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี ๒๕๖๑ นาย ก.มีสิทธินำจำนวนเงินที่ได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอม ไปเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่นตามมาตรา ๔๘ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ ๒ (ข) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) และ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งนายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามมาตรา ๔๘ (๕) และมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้หรือไม่ อย่างไร |
แนววินิจฉัย |
กรณีนาย ก.ได้ทำงานในบริษัทฯ เป็นระยะเวลาเกินกว่า ๕ ปี และในปีภาษี ๒๕๕๗ ได้ออกจากงานเพราะเกษียณอายุเมื่ออายุครบ ๕๕ ปี โดยนาย ก.ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภทที่นายจ้างจ่ายให้เพราะเหตุออกจากงาน ๒ ครั้ง คือ ในปีภาษี ๒๕๕๗ เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่นาย ก.เมื่อเกษียณอายุ และในปีภาษี ๒๕๖๑ เป็นเงินที่ได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมจากการฟ้องคดีแรงงานกรณีบริษัทฯ นายจ้างจ่ายเงินไม่ครบจากการเลิกจ้างเพราะเหตุเกษียณอายุ ตามข้อตกลงสัญญาการจ้างในปี ๒๕๕๗ อันเป็นการเลิกจ้างโดยลูกจ้างมิได้กระทำความผิดตามความหมายของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เข้าลักษณะเป็นเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานแล้ว ถือเป็นกรณีที่มีการจ่ายเงินจากผู้จ่ายรายเดียวกันหลายครั้งไม่ว่าจะแบ่งจ่ายจากเงินประเภทเดียวกันหรือหลายประเภทเมื่อนาย ก.ได้ใช้สิทธิเลือกนำเงินได้พึงประเมินประเภทที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานมาเลือกเสียภาษีแยกต่างหากจากเงินได้อื่นตามมาตรา ๔๘ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีภาษี ๒๕๕๗ แล้ว ในการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี ๒๕๖๑ นาย ก.จึงไม่มีสิทธินำเงินที่ได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอม ไปเลือกเสียภาษีแยกต่างหากจากเงินได้อื่นตามมาตรา ๔๘ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ ๒ (ข) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๕)ฯ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้อีก และเนื่องจากเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่นาย ก.ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมเป็นเงินที่ได้มาเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร นาย ก.จึงต้องนำเงินที่ได้รับดังกล่าวไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินประเภทอื่นที่ได้รับในระหว่างปีภาษีเพื่อยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีตามมาตรา ๕๖ แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษี ๒๕๖๑ |
เลขตู้ |
: ๘๓/๔๐๙๒๑ |