เลขที่หนังสือ |
: กค ๐๗๐๒/๔๘๐๙ |
วันที่ |
: ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ กรณีมูลนิธิชัยพัฒนาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับ
สภากาชาดไทย |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๓๙, ๙๑/๒(๖), ๑๒๑ แห่งประมวลรัษฎากร และ พรฎ ฉบับที่ ๔๔๗ พ.ศ.๒๕๔๘, พรฎ ฉบับที่ ๓๔๒ พ.ศ.๒๕๔๑ |
ข้อหารือ |
มูลนิธิฯ มีความประสงค์จะโอนที่ดินในกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิฯ จํานวน ๑ แปลง ตําบลปากแพรก อําเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ ๒ ไร่ ๙๖.๙ ตารางวา ให้กับสภากาชาดไทยเพื่อนําไปใช้สร้างภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ ๑๑ จังหวัดนครศรีธรรมราช และสภากาชาดไทยมีความประสงค์จะโอนที่ดินในกรรมสิทธิ์ของสภากาชาดไทย จํานวน ๒ แปลง ตําบลหินตั้ง อําเภอเมือง จังหวัดนครนายก เนื้อที่ดินรวมทั้งสิ้น ๑๒ ไร่ ๒๙ ตารางวา ให้กับมูลนิธิฯ เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของมูลนิธิฯ ในเรื่องนี้มูลนิธิฯ ได้มีหนังสือสอบถามไปยังสํานักงานที่ดินจังหวัดทั้ง ๒ แห่งที่รับผิดชอบแล้ว โดยสํานักงานที่ดินได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง ๓ แปลงดังกล่าว ให้มูลนิธิฯ ได้ทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วยกเว้นค่าภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยสํานักงานที่ดินขอให้มูลนิธิฯ สอบถามกับกรมสรรพากรโดยตรงว่าต้องชําระภาษีอะไรบ้างและได้รับการยกเว้นภาษีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับกรณีมูลนิธิฯ จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับสภากาชาดไทย จํานวน ๑ แปลง และกรณีสภากาชาดไทยจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับมูลนิธิฯ จํานวน ๒ แปลง และขอให้นําหนังสือยืนยันจากกรมสรรพากรเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายภาษีดังกล่าวไปแสดงกับเจ้าพนักงานที่ดินในวันโอนกรรมสิทธิ์และนิติกรรมด้วย |
แนววินิจฉัย |
๑. สภากาชาดไทยมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามมาตรา ๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดไทย พระพุทธศักราช ๒๔๖๑ และมูลนิธิฯ ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ในลำดับที่ ๑๖๙ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ สภากาชาดไทยและมูลนิธิฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้
เนื่องจากไม่ถือเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น สภากาชาดไทยและมูลนิธิฯ จึงไม่ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย นำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียนแต่อย่างใด
๒. กรณีมูลนิธิฯ โอนที่ดินในกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิฯ โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อนําไปใช้สร้างภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ ๑๑ จังหวัดนครศรีธรรมราช มูลนิธิฯ ผู้โอนได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด ๕ และอากรแสตมป์ตามหมวด ๖ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับรายรับหรือการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่สภากาชาดไทย ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔๗) พ.ศ. ๒๕๔๘
๓. กรณีสภากาชาดไทยโอนที่ดินในกรรมสิทธิ์ของสภากาชาดไทยให้กับมูลนิธิฯ เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของมูลนิธิฯ เนื่องจากสภากาชาดไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการในทางสาธารณกุศล มิได้มีวัตถุประสงค์หรือมีการประกอบกิจการในการแสวงหากำไรหรือประกอบกิจการในรูปธุรกิจหรือการพาณิชย์แต่อย่างใด สภากาชาดไทยจึงไม่ได้ประกอบกิจการใด ๆ ในทางธุรกิจหรือวิชาชีพที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ในทางการค้าหรือหากำไร การที่สภากาชาดไทยโอนที่ดินในกรรมสิทธิ์ของสภากาชาดไทยให้กับมูลนิธิฯ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร ตามมาตรา ๔ (๕) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ ๓๔๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ สภากาชาดไทยจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา ๙๑/๒ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร และสภากาชาดไทยได้รับยกเว้นการเสียอากรแสตมป์ ตามมาตรา ๑๒๑ แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ |
: ๘๓/๔๐๙๒๕ |