ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยวิธีปฏฺิบัติการภาษีอากรฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131)

เรื่อง    กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว

---------------------------------------------

 

                อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 85/6 วรรคสอง มาตรา 85/7 วรรคสี่ มาตรา 85/8 วรรคสาม มาตรา 85/13 มาตรา 85/14 มาตรา 85/15 และมาตรา 85/16 วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ดังต่อไปนี้

 

                ข้อ 1  ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

                (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และถ้ามีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อความในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย

                       การเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการที่กระทำเป็นครั้งคราว หรือประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนน้อย รายการเกี่ยวกับนิติบุคคล เช่น การเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด การเปลี่ยนแปลงเงินทุนที่ชำระแล้ว การเพิ่มทุนหรือการลดทุน การเปลี่ยนแปลงจำนวนลูกจ้าง หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน

                (2)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติมไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการนั้น

                (3)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะปิดสถานประกอบการบางแห่ง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับจากวันปิดสถานประกอบการ

                       การปิดสถานประกอบการตามวรรคหนึ่ง หมายถึงวันที่หยุดการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามความเป็นจริง มิใช่วันที่แจ้งเลิกกิจการ ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท

                (4)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะย้ายสถานประกอบการไม่ว่าจะเป็นการย้ายสถานประกอบการอยู่ภายในท้องที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ หรือ ย้ายไปอยู่ต่างท้องที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ก่อนวันย้ายสถานประกอบการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน

                       "กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ได้ย้ายสถานประกอบการไปอยู่ต่างท้องที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายสถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่หรือสถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการแห่งใหม่ตั้งอยู่ ก่อนวันเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการแห่งใหม่นั้น พร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม"

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 144) ใช้บังคับ 11 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป )

                       กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ได้ย้ายสถานประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายสถานประกอบการอยู่ภายในท้องที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ หรือย้ายไปอยู่ต่างท้องที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ แต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมิได้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ณ สถานประกอบการที่ย้ายไป หรือไม่ปรากฏสถานประกอบการตามที่แจ้งย้าย ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนมิได้ย้ายสถานประกอบการ

                       การย้ายสถานประกอบการตามวรรคหนึ่ง หมายถึง วันที่ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงที่ตั้งของสถานประกอบการตามความเป็นจริง มิใช่วันที่แจ้งย้ายต่อนายทะเบียน หุ้นส่วนบริษัท

                "(5)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะหยุดประกอบกิจการ ชั่วคราว เป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสามสิบวัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการ ตั้งอยู่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่หยุดประกอบกิจการชั่วคราว"

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 144) ใช้บังคับ 11 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป )

                (6)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะโอนกิจการบางส่วน ให้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่ม ถ้ามี ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันโอนกิจการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน

                       การโอนกิจการบางส่วนตามวรรคหนึ่ง หมายถึง กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนโอนกิจการไปแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวจะต้องไม่ดำเนินการในส่วนของกิจการที่ได้โอนไปแล้วนั้นอีกต่อไป

                       กรณีผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้ามี ณ สถานที่ ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ

                       กรณีผู้รับโอนกิจการไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ

                (7)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะโอนกิจการทั้งหมด ให้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการโอนกิจการ และแจ้งการเลิกประกอบกิจการ ณ สถานที่ ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันโอนกิจการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน พร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ด้วย

                       การโอนกิจการทั้งหมดตามวรรคหนึ่ง หมายถึง กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนโอนกิจการไปแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวต้องเลิกประกอบกิจการนั้นด้วย

                       กรณีผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้ามี ณ สถานที่ ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ

                       กรณีผู้รับโอนกิจการไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการ

                (8)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นนิติบุคคลใดประสงค์จะควบเข้ากัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งเลิกประกอบกิจการพร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันเลิกประกอบกิจการ และให้นิติบุคคลใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากันยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่

                (9)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งเลิกกิจการพร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับจากวันเลิกประกอบกิจการ

                       การเลิกประกอบกิจการตามวรรคหนึ่ง หมายถึง การเลิกประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

                (10)  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถึงแก่ความตาย ความเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนของผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวสิ้นสุดลง และให้ ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตาย มีสิทธิประกอบกิจการต่อไปได้อีกไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย แต่ต้องแจ้งให้ นายทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทราบถึงความตายของผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเร็วที่สุด ซึ่งผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายมีสิทธิและความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียน

                กรณีที่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายไม่ใช้สิทธิดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย

                กรณีผู้จัดการมรดกหรือทายาทที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายต่อไป ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทนั้นมีสิทธิขอโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ โดยให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้ามี ณ สถานที่ ที่ผู้รับโอนได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอนกิจการพร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ผู้ตายได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

                กรณีที่ผู้จัดการมรดกหรือทายาทผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ประกอบการ จดทะเบียน ให้ผู้รับโอนยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันรับโอน กิจการ พร้อมกับคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ผู้ตายได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

 

                ข้อ 2 แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ 1 ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

                กรณีเจ้าพนักงานสรรพากรสำรวจสภาพการประกอบกิจการของ ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการสำรวจแหล่งภาษีอากรและการ ติดตามการยื่นแบบแสดงรายการภาษี และได้แจ้งให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนไปพบเจ้าพนักงานสรรพากร เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง หากผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ไปพบเจ้าพนักงาน สรรพากรและยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในเวลาที่เจ้าพนักงานสรรพากรกำหนด ให้ถือว่าแบบสำรวจสภาพการประกอบกิจการที่แนบท้ายประกาศนี้ เป็นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งเจ้าพนักงานสรรพากรจะใช้ในการแก้ไขรายการประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนให้ถูกต้อง ทั้งนี้ เจ้าพนักงานสรรพากรจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานสรรพากรแก้ไขรายการประเภทการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียน

                เจ้าพนักงานสรรพากรจะต้องกำหนดระยะเวลาให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนคัดค้านการแก้ไขประเภทการประกอบกิจการ ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทการประกอบกิจการ

 

               

               “ข้อ 3 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 3 ฉบับ โดยแสดงรายการให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมกับแนบเอกสาร ดังต่อไปนี้

                                    (1) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นคนต่างด้าว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของผู้ประกอบการจดทะเบียน 

                                    (2) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ได้แก่ คู่สมรสสามีและภริยา ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองทุน มูลนิธิที่มิใช่นิติบุคคล หน่วยงานหรือกิจการของเอกชน ที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล ให้แนบภาพถ่ายใบทะเบียนสมรส หรือภาพถ่ายหนังสือการจัดตั้งคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลแล้วแต่กรณี และกรณีผู้ร่วมจัดตั้งคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเป็นคนต่างด้าว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 216) ใช้บังคับ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

 

                                    (3) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร องค์การของรัฐบาลตามมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร สหกรณ์และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล ให้แนบเอกสารดังนี้      

                                       (ก) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีตัวแทนที่อยู่ในราชอาณาจักรทำหน้าที่แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ให้แนบหนังสือตั้งตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีการรับรองโดยสถานทูตหรือสถานกงสุลหรือบุคคลอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรเห็นชอบ                                                        

                                       (ข) กรณีกิจการร่วมค้า ให้แนบภาพถ่ายเอกสารการดำเนินกิจการร่วมค้า

                                       (ค) กรณีนิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้แนบภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และภาพถ่ายสัญญาหรือโครงการที่แสดงถึงคู่สัญญา มูลค่าของสัญญา ระยะเวลาของสัญญาหรือโครงการที่เริ่มต้นและสิ้นสุดด้วย

                                       (ง) กรณีองค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล ให้แนบภาพถ่ายหลักฐานอื่นที่แสดงฐานะนิติบุคคล

                                 (4) กรณีการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียน มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแทน ให้แนบหนังสือมอบอำนาจ ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือภาพถ่ายหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ของผู้มอบอำนาจ คือ ผู้ประกอบการจดทะเบียนตาม (1) และภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตาม (2) (3) และภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ 

                                 (5) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตาม (1) ถึง (3) เปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ย้ายสถานประกอบการ เลิกกิจการ โอนกิจการทั้งหมด หรือกรณีนิติบุคคลควบกิจการ ให้แนบเอกสารดังต่อไปนี้

                                       (ก) กรณีเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ให้แนบแผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย                           

                                       (ข) กรณีย้ายสถานประกอบการ ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย

                                       (ค) กรณีเลิกกิจการ หรือโอนกิจการทั้งหมด ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

                                       (ง) กรณีนิติบุคคลควบกิจการ ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของนิติบุคคลที่จะควบเข้ากัน แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขปพร้อมภาพถ่ายสถานประกอบการแห่งใหม่ และถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้แนบภาพถ่ายสัญญาเช่าโดยสัญญาเช่าดังกล่าวต้องระบุชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แนบภาพถ่ายหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นสถานประกอบการด้วย

                                        กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ใช้สถานที่อยู่อาศัย

ของตนเองหรือบุคคลอื่นเป็นสถานประกอบการหรือใช้สถานประกอบการของบุคคลอื่นเป็นสถานประกอบการ ให้ติดป้ายแสดงชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คู่สมรสสามีและภริยา คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย ณ สถานประกอบการดังกล่าวด้วย

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 216) ใช้บังคับ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

                                        “กรณีสถานที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการตามวรรคหนึ่ง ตั้งอยู่ในอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ให้แนบภาพถ่ายหนังสือรับรองของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดที่ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ประกอบการค้าของอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 208) ใช้บังคับ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป )

                               (6) กรณีการแจ้งเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้แนบภาพถ่ายสัญญา หรือโครงการที่แสดงการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญา มูลค่าของสัญญา ระยะเวลาของสัญญาหรือโครงการที่เริ่มต้นและสิ้นสุด

                               (7) ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้าหรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ให้แนบภาพถ่ายหนังสือแสดงการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล เป็นต้น 

                               (8) กรณีเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตาย หรือเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกที่ประสงค์จะประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายต่อไป ให้แนบใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักฐานใบมรณบัตร หลักฐานแสดงการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดก การเป็นทายาท หรือการเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลหรือตามพินัยกรรม

                                การยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับแนบเอกสารตามวรรคหนึ่ง หากเจ้าพนักงานสรรพากรมีความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือเพียงพอแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่จำต้องแสดงเอกสารตัวจริงต่อเจ้าพนักงานสรรพากร”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 166) ใช้บังคับ 16 สิงหาคม 2549 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 4  ให้เจ้าพนักงานสรรพากรตรวจสอบแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้แสดงรายการพร้อมทั้งแนบเอกสารตามข้อ 3 ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ถ้าปรากฏว่ามีรายการและเอกสารแนบถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าพนักงานสรรพากรรับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน

                กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนแสดงรายการในแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่ได้แนบเอกสารตามข้อ 3 หรือแนบเอกสารแต่ไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าพนักงานสรรพากรรับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนและติดตามให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำหลักฐานมาส่งมอบให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป

                แม้ว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้แสดงรายการพร้อมทั้งแนบเอกสารตามข้อ 3 ประกอบแบบแจ้งการ เปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มถูกต้องครบถ้วน และเจ้าพนักงานสรรพากรได้รับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้าลักษณะดังต่อไปนี้ ไม่ให้เจ้าพนักงานสรรพากรออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน

                (1) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนแสดงเอกสารหลักฐานตามข้อ 3 เป็นเท็จหรือไม่ตรงกับเอกสารของทางราชการ

                (2) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นตัวแทนเชิดของเจ้าของกิจการที่แท้จริง เช่น จากการไต่สวนพบว่าผู้ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นลูกจ้าง พนักงาน แต่ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการผู้จัดการ

                (3) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่มีสถานประกอบการจริงตามเอกสารที่ยื่นพร้อมกับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

                (4) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้สำนักงานกฎหมายหรือสำนักงานบัญชีของบุคคลอื่นเป็นสถานประกอบการ เว้นแต่กรณีเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร

                (5) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนมิได้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการตามที่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทกิจการหรือประเภทสินค้าหรือบริการ

                (6) ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนมิใช่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตาย หรือเป็นผู้จัดการมรดกหรือทายาทของผู้ตาย

 

                ข้อ 5  ให้เจ้าพนักงานสรรพากรดำเนินการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่แทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับเดิมให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน สำหรับกรณี เปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อความในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม กรณีย้ายสถานประกอบการ กรณีผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน กรณีผู้จัดการมรดกหรือทายาทที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ถึงแก่ความตาย

                กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ได้มีการปิดสถานประกอบการบางแห่งและเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม เลขที่สาขาที่แสดงในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่ให้ใช้เลขที่สาขาต่อเนื่องกันไป มิให้นำเลขที่สาขาของสถานประกอบการที่ปิดมาเป็นเลขที่สาขาของสถานประกอบการที่เปิดเพิ่มเติม

 

                ข้อ 6  ให้เจ้าพนักงานสรรพากรบันทึกรายการในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่ ดังนี้

                (1) วันที่ให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ได้แก่

                      (ก) กรณีเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ คือ วันเดือนปีที่เจ้าพนักงานสรรพากรรับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 85 วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร

                      (ข) กรณีเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม คือ วันเดือนปี ที่เจ้าพนักงานสรรพากรรับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ 4 เว้นแต่ กรณีที่เจ้าพนักงานสรรพากรไม่ออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับใหม่ ให้แก่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนเพราะเข้าลักษณะตามข้อ 4 วรรคสาม ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ตั้งแต่วันเดือนปีที่เจ้าพนักงานสรรพากรรับแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

                      (ค) กรณีย้ายสถานประกอบการ คือ วันเดือนปีที่เจ้าพนักงานสรรพากรรับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 85 วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร

                      ความในวรรคหนึ่ง อธิบดีกรมสรรพากรจะสั่งเป็นอย่างอื่นก็ได้

                (2) วันเริ่มประกอบการ คือ วันเดือนปีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

                (3) วันที่ออกใบทะเบียน คือ วันเดือนปีที่ผู้มีอำนาจอนุมัติลงนามในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

               “ข้อ  7  ผู้มีอำนาจออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ บุคคลดังต่อไปนี้

                         (1)  สรรพากรพื้นที่หรือผู้ที่สรรพากรพื้นที่มอบหมายสำหรับผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตท้องที่รับผิดชอบของสำนักงานสรรพากรพื้นที่นั้น

                                 (2) ผู้อำนวยการสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือผู้ที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่มอบหมาย สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 208) ใช้บังคับ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 8  ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากรให้ถือเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ด้วย

 

                ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป

 

ประกาศ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545

 

ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล

อธิบดีกรมสรรพากร

 

ภาพแบบ  แบบสำรวจ

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Tuesday, October 3, 2017

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161